เฟอร์รารี่ เอ็นโซ (อังกฤษ: Ferrari Enzo) หรือบางครั้งเรียกว่า "เอ็นโซ เฟอร์รารี่ (อังกฤษ: Enzo Ferrari)" เครื่องยนตร์กลางลำหลัง ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (RWD) 2 ประตู 2 ที่นั่ง ผลิตโดยบริษัทรถยนต์สัญชาติอิตาลี เฟอร์รารี่ ระหว่างปี 2002-2004 รถได้รับการออกแบบโดยนำฐานมาจาก รถแข่งฟอร์มูล่าวัน โดยเฉพาะการใช้วัสดุไฟบอน-คาร์เบอร์ ซึ่งถือว่าน้อยรุ่นของเฟอร์รารี่ ที่จะนำคาร์บอน-ไฟเบอร์ มาประกอบตัวถัง ซึ่งตามปกติแล้วจะใช้อะลูมิเนียม เป็นหลักมากกว่า จนติดเป็นเอกลักษณ์ของเฟอร์รารี่เลยว่า รถเฟอร์รารี่ต้องทำมาจากอะลูมิเนียมเท่านั้น ส่วนออปชั่นอื่นๆ ของเอ็นโซ ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ ระบบเบรก ระบบการรับลมเข้าคัน ซึ่งล้วนมาจาก เทคโลยีจากฟอร์มูล่าวัน ทั้งสิ้น
เครื่องยนต์เฉพาะตัวของเอ็นโซ คือ V12 ซึ่งทางเฟอร์รารี่ตั้งชื่อเครื่องยนต์นี้ว่า "Enzo V12 engine" นับเป็นวิวัฒนาการด้านเครื่องยนต์ V12 ครั้งแรกของเฟอร์รารี่ ซึ่งได้รับการพัฒนามาจากเครื่องยนต์ V8 เดิม จนในปี 2005 เฟอร์รารี่ เอฟ430 ก็ได้เป็นรุ่นที่ 2 ที่ได้รับการถ่ายทอด เครื่องยนต์ชนิดนี้ไป เฟอร์รารี่ เอ็นโซ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 350 กม./ชม. (218 ไมล์/ชม.) และผู้ซื้อต้องได้รับอนุญาตในการซื้อด้วย
เฟอร์รารี่ เอ็นโซ ถือเป็นเป็นรุ่นจำกัดจำนวน ผลิตมาได้เพียง 401 คันเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะเวลาผลิตเพียง 2 ปีเท่านั้น แต่ก็ได้คำชมมากมาย รวมถึงรางวัลต่างๆ อย่างเช่น ในปี 2004 นิตยสาร "สปอร์ต คาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล" ของสหรัฐอเมริกา ก็ได้จัดอันดับ ให้ เฟอร์รารี่ เอ็นโซ อยู่อันดับ 3 ในหัวข้อรถสปอร์ตแห่งศตวรรษที่ 20 (Top Sports Cars of the 2000s) นอกจากนี้ก็ยังได้รับการจัดอันดับ ให้อยู่ลำดับที่ 4 ในหัวข้อ "รถเฟอร์รารี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล" (Greatest Ferraris of all time) จากนิยสาร มอเตอร์ เทรนด์ แต่ถึงอย่างไรก็ดี เฟอร์รารี่ เอ็นโซ ก็ได้รับเสียงวิพากย์วิจารณ์ จากนิตยสาร บรูมเบิร์ก บิสซิเนส (Bloomberg Businessweek) ได้จัดอันดับให้เป็น "หนึ่งใน 50 รถที่รูปทรงอัปลักษณ์ที่สุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา" (Fifty Ugliest Cars of the Past 50 Years)
เฟอร์รารี่ เอ็นโซ ได้รับการออกแบบโดย นักออกแบบรถชาวญี่ปุ่น เคน โอคุยามะ ( Ken Okuyama ) แห่งบริษัทพินินฟารินา ซึ่งนอกจากจะออกแบบเฟอร์รารี่ เอ็นโซ แล้ว ยังเป็นผู้ออกแบบ เฟอร์รารี่ 599 จีทีบี ฟีโอราโน ด้วย คำว่า "เอ็นโซ" คือชื่อผู้ก่อตั้งอดีตบริษัท "เฟอร์รารี่ สคูเดอเรีย" จนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเฟอร์รารี่ ในปัจจุบัน